วันพุธที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2559

เครื่องดื่ม ให้ความสดชื่นช่วย ลดหน้าท้อง




 ในเมื่อมีอาหารหลากหลายชนิดที่ลดความอ้วน มันก็ต้องมีเครื่องดื่มคู่กัน จะไปดื่มน้ำอะไรที่มันหวานๆ มันๆ ก็คงไม่ใช่ มาดูเครื่องดื่มที่ลดพุงกันดีกว่า

     1. ชามินต์ ใส่น้ำแข็ง รสเย็นของมิ้นต์จะช่วยให้คุณรู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่า มินต์มีส่วนช่วยย่อยสลายไขมัน แถมลดอาการท้องอืดได้ด้วย

     2. ชาเขียว นอกจากลดความเสี่ยงเป็นมะเร็งและโรคหัวใจ ชาเขียวยังมีสารต้านอนุมูลอิสระสุดยอดตัวหนึ่ง ซึ่งช่วยลดไขมันบริเวณหน้าท้อง ถ้าคุณจิบชาเขียวก่อนออกกำลัง มันจะช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญในระหว่างออกกำลังกายด้วย

     3. น้ำเปล่าเสริมรส เคยได้ยินไหมคะว่าจะลดน้ำหนักต้องดื่มน้ำมากๆ เพราะจะช่วยปรับสมดุลของร่างกาย ช่วยให้รู้สึกอิ่มทำให้กินน้อยลง

     4. เฟลปเป้สับปะรด ในสับปะรดมีสารซึ่งเป็นเอนไซม์ที่ช่วยย่อยโปรตีน ทำให้การย่อยอาหารง่ายขึ้น ช่วยลดอาการท้องอืด นอกจากนี้ การใส่น้ำมันเมล็ดเฟล็กซ์ ซึ่งมีไขมันโมเลกุลเดี่ยวไม่อิ่มตัวก็จะช่วยให้หน้าท้องแบนราบได้แบบไม่ต้องเหนื่อยซิทอัพ

     5. สมูธตี้แตงโม แก้วนี้ช่วยให้เราสดชื่นซาบซ่าได้เป็นอย่างดี แก้วหนึ่งมีแคลอรี่ต่ำเพียง 65 แคลอรี่ แถมยังมีสารอาหารที่ช่วยต้านมะเร็งรวมถึงกรดอะมิโน ที่ชี้ว่ามันช่วยสร้างมวลกล้ามเนื้อจึงช่วยให้หน้าท้องของคุณแฟบลงนั่นเอง

     6. ดาร์กช็อกโกแลตเชค ฟังดูขัดๆ ไช่ไหมคะ แต่ดาร์กช็อกโกแลตช่วยให้คุณผอมได้ด้วยการลดอาการอยากอาหารชนิดอื่น แต่จำไว้นะว่าแก้วหนึ่งมีถึง 400 แคลอรี่ จึงเหมาะจะเป็นอาหารเช้ามากกว่าของว่าง ดื่มเล่นๆ แต่พุงจะมาด้วยแบบไม่ขำนะคะ

จะดื่มเครื่องดื่มลดหน้าท้องอย่างเดียว คงไม่เพอร์เฟ็คเท่ากับต้องออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย

ที่มา : http://women.mthai.com/beauty/health/127726.html

วันจันทร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2559

7 สูตรสวย ด้วย น้ำผึ้งแท้จากธรรมชาติ



  น้ำผึ้ง มีคุณสมบัติทางยาคือ สามารถฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ต่าง ๆ ได้ เพราะมีความเข้มข้นของน้ำตาลสูง ช่วยกำจัดปริมาณน้ำที่แบคทีเรียใช้ในการเจริญเติบโต รวมถึง น้ำผึ้ง มีความเป็นกรดสูง และมีปริมาณโปรตีนต่ำ ซึ่งทำให้แบคทีเรียไม่ได้รับไนโตรเจนที่จำเป็น นอกจากนี้ น้ำผึ้ง ยังมีสารไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์ และ สารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งจะมีคุณสมบัติช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย และลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งด้วย ดังนั้น เมื่อเราใช้น้ำผึ้ง ทาบาดแผลจึงสามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้ และทำให้แผลไม่เกิดการอักเสบ

1.ดื่มทุกวัน เพื่อสุขภาพที่ดีและป้องกันมะเร็ง
ใช้ น้ำผึ้ง ไม่ผ่านความร้อน (Raw Organic Honey) 3 ช้อนชา และน้ำส้มสายชูหมักแอปเปิ้ลไม่ผ่านความร้อน (Raw Organic Apple Cider Vinegar) 3 ช้อนชา ผสมน้ำเปล่า 1 แก้ว ดื่มทุกเช้าหลังตื่นนอน และระหว่างมื้อเป็นประจำทุกวัน

2.เมนูสุขภาพ ลดความอ้วน
นำผลไม้ต่าง ๆ มาหั่นเป็นลูกเต๋า เช่น มะละกอ กล้วย ส้ม ตามชอบ ราดด้วยโยเกิร์ต ลูกเกด และ น้ำผึ้ง ไม่ผ่านความร้อน คุณก็จะได้อาหารเช้าที่มีประโยชน์ อร่อย อุดมด้วยวิตามิน แร่ธาตุอาหาร เอนไซม์ และโปรตีนที่ย่อยง่าย

3.ดื่มให้หลับสบาย ผ่อนคลายตลอดคืน
ใครนอนไม่ค่อยหลับ ลองผสม น้ำผึ้ง กับ น้ำอุ่น หรือนมร้อนจะช่วยให้หลับสบาย แต่ถ้าได้ร่วมกับการนั่งสมาธิสัก 5 นาทีก่อนนอน เพื่อให้ได้หยุดพักความคิดและปล่อยวางความเครียดลงบ้าง จะยิ่งทำให้นอนหลับสนิทต่อเนื่องตลอดคืน และตื่นมาอย่างสดใส

4.ย้อนวัยผิวใส
ผู้ที่มีปัญหาสิวเสี้ยน อดหลับอดนอนจนหน้าแห้งกร้าน หรือต้องการบำรุงผิวหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ ล้างหน้าด้วยน้ำอุ่น เช็ดให้แห้ง แล้วนำกล้วยหอมครึ่งลูกมาบดผสมกับ น้ำผึ้ง ที่ไม่ผ่านความร้อน ทาบนหน้าทิ้งไว้ 10-15 นาที แล้วล้างออก เอนไซม์ในน้ำผึ้งจะคืนความชุ่มชื่นนุ่มนวลให้ผิวอย่างรวดเร็ว

5.กำจัดสารเคมีและปลุกชีวิตเส้นผม
หลังสระผมเสร็จ นำ น้ำผึ้ง ไม่ผ่านความร้อน 3 ช้อนโต๊ะ ผสมกับน้ำมันมะกอก 3 ช้อนโต๊ะ ชโลมผมแล้วทิ้งไว้ 5 นาที ล้างออกด้วยน้ำสะอาด ผมจะนิ่มและเงางามตามธรรมชาติ ปราศจากสารเคมีใด ๆ

6.แก้ไอ หลอดลมอักเสบ กำจัดเสมหะ
ตำกระเทียม 1-2 กลีบให้ละเอียด ผสมกับน้ำมะนาวครึ่งช้อนโต๊ะ เกลือเล็กน้อย พิมเสน หรือการบูร 2-3 เกล็ด และ น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะกวาดคอทุกชั่วโมง

7.บรรเทาอาการตับแข็งจากสุรา
ผสม น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ กับน้ำครึ่งแก้ว ดื่มวันละ 3 ครั้งเป็นประจำ และดื่มน้ำผึ้ง 1-2 ช้อนโต๊ะก่อนนอน



ที่มาจาก 247 City Magazine

วันเสาร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2559

ลดน้ำหนัก ด้วยการ ดื่มนม



      โดยนักวิจัยได้ทำการติดตามคนอ้วนกว่า 300 คนที่มีอายุระหว่าง 40-65 ปี ซึ่งทำการควบคุมน้ำหนักด้วยการรับประทานอาหารไขมันต่ำ, คาร์โบไฮเดรตต่ำ หรือการไดเอทแบบเมดิเตอร์เรเนียน เป็นระยะเวลากว่า 2 ปี ผลที่ได้จากการติดตามพบว่ากลุ่มที่มีการรับประทานแคลเซียมสูง ประมาณ 580 มิลลิกรัมต่อวัน หรือเทียบเป็นนม 2 แก้ว สามารถลดน้ำหนักได้ถึง 12 ปอนด์ใน 2 ปี ส่วนกลุ่มที่รับประทานต่ำเพียง 150 มิลลิกรัม หรือเทียบเป็นนมเพียงครึ่งแก้วต่อวัน ลดน้ำหนักได้แค่ 7 ปอนด์

      นักวิจัยได้อธิบายความแตกต่างว่า นมนั้นจะไปช่วยเพิ่มระดับพลังงานในร่างกาย ทำให้เกิดการเผาผลาญได้ดี “นมช่วยให้เรารู้สึกอิ่ม และเกิดความพึงพอใจ ทำให้ไม่นึกอยากกินอาหารที่มีน้ำตาล เครื่องดื่มซอฟต์ดริ๊งค์ น้ำผลไม้หวาน ๆ หรือเครื่องดื่มโซดาทั้งหลาย”


นอกจากนั้น ยังมีการวิจัยเพิ่มเติมว่าในน้ำนมมีวิตามิน D ที่ส่งผลดีต่อการลดน้ำหนักได้ดีกว่า…โดยระดับวิตามิน D ที่มีการแนะนำไว้ต่อวันคือ 400 มิลลิกรัม หรือเทียบได้กับนมโลว์แฟต หรือนมพร่องมันเนย 4 แก้ว



ที่มา http://women.mthai.com/beauty/health/66540.html

วันพุธที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2559

น้ำมะนาวร้อน ดื่มดีช่วยล้างพิษ




 ปกติแล้วคนส่วนใหญ่จะชอบดื่มน้ำมะนาวเย็น แต่รู้หรือไม่ว่าการดื่มน้ำมะนาวแบบร้อนก็มีประโยชน์มากเช่นกัน เพราะการผสมน้ำมะนาวกับน้ำร้อน นอกจากจะมีปริมาณแคลอรี่ต่ำแล้ว ยังช่วยล้างพิษได้ดี โดยน้ำมะนาวร้อนจะช่วยบำรุงตับให้ผลิตน้ำดีออกมาช่วยในการย่อยอาหารให้เร็วขึ้น และยังช่วยขับของเสียที่คั่งอยู่ในท้อง ซึ่งเป็นสาเหตุของอาการบวมท้องลดลงอีกด้วย เพื่อให้ได้ผลดีที่สุด ควรดื่มก่อนมื้ออาหาร หรือดื่มทันทีหลังจากตื่นนอนตอนเช้า เพื่อทำให้ร่างกายสดชื่นไปในตัว



ที่มา : http://women.mthai.com/beauty/health/132347.html

วันอังคารที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2559

ล้างพิษ ด้วย ชาเขียว




………ชาเขียว เครื่องดื่มยอดฮิตที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นเครื่องดื่มที่มีสรรพคุณเป็นยา บำบัดมายาวนานนับพันๆ ปี เพราะนอกจากชาเขียวจะเป็นเครื่องดื่มที่ดีต่อสุขภาพกายแล้ว ยังส่งผลดีต่อสุขภาพใจอีกด้วย และคุณสมบัติที่โดดเด่นของชาเขียวอีกอย่างหนึ่งก็คือ การช่วยล้างพิษออกจากร่างกายได้ลึกถึงระดับเซลล์ ด้วยสาร Polyphenols ในชาเขียวสามารถออกฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระ ช่วยกระตุ้นการทำงานของเอ็นไซม์ที่ทำหน้าที่ขจัดสารพิษในตับ (Detoxifying Enzyme) ช่วยยับยั้งขบวนการแบ่งตัวของเซลล์มะเร็ง และพัฒนาการทำงานองแบคทีเรียที่มีประโยชน์ในลำไส้

………นอกจากนี้ ชาเขียว ยังสามารถขจัดอนุมูลอิสระช่วยให้หลอดเลือดและหัวใจทำงานดีขึ้น ผิวพรรณสดใสและสนับสนุนการทำงานของเอ็นไซม์ในตับซึ่งเป็นเหมือนโรงงานขจัด สารพิษจากอาหารแห่งเดียวของร่างกาย จึงนับว่าการบริโภค ชาเขียว เป็นการล้างพิษทางกายภาพที่ครบถ้วนและสมบูรณ์ที่สุดค่ะ

ผลที่ได้รับจากการล้างพิษด้วยชาเขียว


  •  ระบบขับถ่ายของเราจะค่อยๆ ดีขึ้นปัญหาท้องผูกและอาการร้อนในลดลง
  •  โอกาสเกิดโรคมะเร็งในทางเดินอาหารลดน้อยลงกว่าผู้ที่ไม่ได้บริโภคชาเขียว
  •  ผิวพรรณจะค่อยๆ สดใส ไม่หมองคล้ำ ระบบประสาททำงานได้ดีขึ้น
  •  ลดความเสี่ยงในการเป็นโรคความจำเสื่อม
  •  ตับมีสุขภาพดี
  •  ที่สำคัญที่สุดยังห่างไกลจากโรคหัวใจ โรคมะเร็ง และโรคเรื้อรังต่างๆ ได้อีกด้วย


ที่มา :  BKKMENU.com

วันอาทิตย์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2559

กินให้ผอม ใน 14 วัน! ลดน้ำหนัก ไม่ใช่เรื่องยาก



แผนการกินเพื่อ ลดน้ำหนัก แบบด่วนๆ หุ่นเป๊ะทันใจไม่เสียสุขภาพนะจ๊ะถ้าคิดตั้งแต่ต้นปีมานับครั้งไม่ถ้วนแล้วว่า เดี๋ยวเถอะ เดี๋ยวฉันจะผอมให้ได้ แต่พออดหรือคุมอาหารได้สักพักก็ตบะแตกแล้วกลับมากินแหลกเหมือนเดิม เผลอแป๊บเดียวก็เดือนตุลาคม ใกล้จะหมดปีแล้วยังไม่ลดไปสักกิโลฯ มีแต่เพิ่มเอาๆ โอ๊ย…จะทำยังไงดีล่ะเนี่ย วันนี้ ขอนำเสนอสูตรอาหารเพื่อการ ลดน้ำหนัก แบบด่วนจี๋ 3.5 – 5.5 กก. ภายใน 14 วัน ให้คุณหุ่นเป๊ะทันตาเห็นผลทันใจไปเลย โดยสูตรนี้ปรับใช้ได้ตลอด จะกินแบบนี้ไปสักเดือนก็ไม่มีอันตรายอะไร

อาหารลดน้ำหนัก มื้อเช้า

ตลอด 14 วันที่คุณตั้งใจว่าจะต้องผอมให้ได้นี้ ขอให้กินมื้อเช้าเป็น ผักสด ผลไม้สด และน้ำผลไม้ เพราะเป็นอาหารที่ย่อยได้ง่ายที่สุด ทั้งยังมีไฟเบอร์เยอะจึงช่วยให้คุณอิ่มนานและดีต่อการลดน้ำหนักที่สุด



มื้อสาย

ยิ่งคุณพยายามอดอาหารคุณก็จะยิ่งหิว สุดท้ายก็ทนไม่ได้ แล้วก็กลับมากินมากกว่าเดิมเสียอีก ดังนั้น พอสายๆ สักหน่อยให้กินถั่วอบไม่ใส่เกลือ มะเขือเทศราชินี หรือไม่ก็เบเบี้แครอตสดๆ สักหน่อยก็จะช่วยคลายความอยากอาหารลงได้



มื้อเที่ยง

โยนพวกข้าวขาวหรือขนมปังขาวลงถังขยะไปได้เลย เพราะคาร์โบไฮเดรตที่ขัดสีพวกนี้มีคุณค่าทางโภชนาการน้อย แล้วยังให้พลังงานแค่ในช่วงสั้นๆ เดี๋ยวคุณก็หิวอีกแล้ว ให้เลือกกินเป็นขนมปังโฮลวีตสักแผ่น หรือข้าวกล้องหนึ่งทัพพี กับรายการอาหารต่อไปนี้หนึ่งอย่าง อ้อ! แล้วอย่าลืมปิดท้ายด้วยสลัดผักสักถ้วยด้วยนะเกาเหลาเนื้อ/ไก่/ลูกชิ้นหมู

แกงเลียงกุ้งสด
ต้มยำปลาน้ำใส
แกงส้มปลา
แกงจืดตำลึงเต้าหู้หมูสับ


อาหารลดน้ำหนัก มื้อบ่าย

การกินอะไรสักหน่อยทุกๆ สองถึงสามชั่วโมง นอกจากจะทำให้เราไม่รู้สึกหิวมากจนซัดมื้อหลักอย่างไม่ยั้งคิดแล้ว ยังช่วยกระตุ้นให้ร่างกายมีการเผาผลาญตลอดทั้งวัน และลดน้ำหนักได้มากขึ้น แต่ช่วงบ่ายๆอย่างนี้กินอะไรหนักท้องเกินไปก็ไม่ดี ลองเลือกหยิบพวก มัลติเกรน สแน็ก หรือธัญพืชอบกรอบขึ้นมากินสักห่อสิ (ห่อเล็กๆ ก็พอนะ ถึงจะเป็นธัญพืชแต่ถ้ามากเกินไปก็ทำให้คุณอ้วนขึ้นได้เหมือนกัน)


มื้อเย็น
หลัง 6 โมงเย็นเป็นต้นไป อย่าได้ยอมให้คาร์โบไฮเดรตทุกประเภทเข้าสู่ร่างกายคุณเป็นอันขาด เว้นเสียแต่หลังอาหารเย็น คุณจะออกกำลังกายอย่างหนัก ชนิดที่มั่นใจว่าเผาผลาญพลังงานที่คุณกินเข้าไปจนหมดเท่านั้น พยายามกินเป็นพวกสเต็กปลา ปลานึ่ง อกไก่ย่างเลาะหนังออก หรือยำกุ้งสดเผ็ดๆ คู่กับสลัดผักชามใหญ่ หรือส้มตำสักจาน





Diet Tips:

ออกกำลังให้ได้อย่างน้อย 30 นาทีทุกวัน ยิ่งถ้าออกกำลังตอนเช้า ไขมันของคุณจะถูกเผาผลาญได้เร็วสุดๆ ไปเลย
ดื่มน้ำเปล่าอุณหภูมิห้องทุกสองถึงสามชั่วโมง จะช่วยให้กระบวนการเผาผลาญไขมันที่ร่างกายเก็บสะสมไว้ดีขึ้น







ขอบคุณบทความจาก : Lisaguru

วันศุกร์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2559

สังเกต ลมหายใจ บ่งบอกโรคได้




    ......เคยสังเกตตัวเองก่อนออกจากบ้านกันบ้างรึป่าวคะ ว่าคุณนั้นปกติ สบายดีอยู่มั้ย อ๊ะๆ อย่าคิดนะคะ ว่าไม่มีอาการบ่งบอกแล้ว ร่างกายของคุณจะยังปกติดีอยู่เต็ม 100%

…..กลิ่นปาก หรือ กลิ่นลมหายใจของเรา เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่คุณเอง จะต้องมั่นสังเกต และคอยดูแลเป็นประจำ นอกจากจะทำให้คุณเสียบุคลิกภาพได้แล้ว ยังสามารถบอกอาการของโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ได้นะคะ

…ไปดูกันสิคะว่า กลิ่นแบบไหน บอกโรคอะไรได้บ้าง…

….. กลิ่นลมหายใจ มีกลิ่นคล้ายเนย คุณอาจมีความเสี่ยงที่จะเป็น โรคไซนัสอักเสบ ได้นะคะ รักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง ไม่ให้เป็นหวัด โดยพักผ่อนให้เพียงพอ กินอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงบริเวณที่มีฝุ่นควันมากๆ

…..กลิ่นลมหายใจ คล้ายผลไม้หอมหวาน อุ๊ย…!! โรคเบาหวาน โรคที่สาวๆ หลายคนกลัว


…..กลิ่นลมหายใจ คาว เมื่อคุณรู้สึกว่า มีลมหายใจกลิ่นคาว คุณอาจมีความเสี่ยงเป็น โรคตับอักเสบ การมีอนามัยส่วนบุคคล ส่วนรวมที่ดี เช่น การล้างมือให้สะอาดก่อนทำสิ่งใด หลังการขับถ่าย การประกอบอาหารถูกหลักอนามัย เลือกรับประทานอาหารที่สุก น้ำดื่มที่สะอาด จะช่วยให้ป้องกันโรคตับอักเสบได้ค่ะ

…..กลิ่นลมหายใจ คล้ายกลิ่นปัสสาวะ ระวังนะคะ โรคไต โรคที่ทรมานสุดๆ หากคุณเป็นล่ะก็ นึกสภาพตอนไปล้างไตได้ค่ะ สาเหตุของโรคนี้ ก็คือ ร่างกายของคุณอาจจะ ขับของเสียไม่หมด จากนั้นก็มีการดูดกลับเข้าสู่กระแสเลือด

…..โรคไข้ทรพิษ โรคติดต่อร้ายแรง คุณสาวๆ บางคน อาจจะไม่ค่อยคุ้นสักเท่าไหร่กับโรคนี้ หากคุณมี กลิ่นลมหายใจ คล้ายโรงเลี้ยงสัตว์ เหม็นคาว คุณอาจมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคนี้ได้ค่ะ

…..โรคเลือดออกตามไรฟัน โรคนี้ลมหายใจของคุณ จะมี กลิ่นเหม็นเน่า ปนกับกลิ่นคาวเลือด คุณสวาๆ ลองคิดดูสิคะ หากว่าคุณเป็นโรคนี้ล่ะก็ คงไม่มีใครอยากจะเข้าใกล้เลยล่ะค่ะ

…..กลิ่นคล้ายขนมปังเหม็นบูด คุณอาจเป็น โรคขาดสารอาหารพวกไนอาซิน และวิตามินบี 6 สาเหตุการเกิดโรค คุณอาจไม่ได้ขาดสารอาหาร แต่อาจจะรับประทานไม่เพียงพอกับความจำเป็นของร่างกายก็ได้ค่ะ

…..กลิ่นลมหายใจ มาจาก เสมหะเหม็นเน่า แสดงถึง การติดเชื้อขั้นรุนแรง…

…..หากร่างกายได้รับสารพิษเข้าไป ร่างกายมีการขับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมา กลิ่นลมหายใจของคุณ จะมี กลิ่นเหมือนแก๊ซ ปะปนออกมาด้วย

…..กลิ่นลมหายใจ มีกลิ่นฝรั่งสุก ส่วนใหญ่พอในผู้ป่วยที่ได้รับสารพิษพวกฟอสฟอรัสเข้าไป

…..กลิ่นลมหายใจ มีกลิ่นหญ้าไหม้ พบในผู้ป่วยที่ได้รับสารพิษพวกกัญชา ไม่จำเป็นเสมอไปว่า คุณจะต้องเป็นผู้เสพเอง คุณอาจจะได้รับสารพิษจำพวกนี้ ในรูปแบบอื่นๆ ก็ได้ค่ะ

…..คุณสาวๆ ก็อย่าลืม สังเกตลมหายใจของตัวเองกันดูนะคะ วิธีสังเกตอาการป่วย ทำได้ง่าย แค่หายใจเข้า-ออก แค่นี้ก็สามารถวินิจฉัยโรคเบื้องต้นได้แล้วล่ะค่ะ


ที่มา :  http://women.mthai.com/beauty/health/84633.html

วันพุธที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2559

โรคเท้าเหม็น …คุณเป็นหรือเปล่า




  โรคเท้าเหม็น (Pitted Keratolysis)เป็นโรคที่พบมากในเขตร้อนพบได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ผู้ชายและผู้หญิง แต่จะพบได้บ่อยในผู้ชายเพราะจะมีเหงื่อออกที่ฝ่าเท้ามากกว่า และผู้ชายมักสวมถุงเท้าอยู่ตลอดเวลาจึงทำให้เกิดการหมักหมมบริเวณเท้า


    คนเป็น โรคเท้าเหม็น หากสังเกตก็จะเห็นหลุมเล็กๆ ที่ฝ่าเท้าบางครั้งหลุมอาจรวมตัวกันเป็นแอ่งเว้าตื้นๆ มักพบตามฝ่าเท้าที่รับน้ำหนักและที่ง่ามนิ้วเท้า


     อาการที่แสดงออกมาของโรคเท้าเหม็นคือ ร้อยละ 90 เท้ามีกลิ่นเหม็นมาก ร้อยละ 70 คือเวลาถอดถุงเท้าจะรู้สึกว่าถุงเท้าติดกับฝ่าเท้า ส่วนอาการคันนั้นพบได้น้อยเพียงร้อยละ 8 เท่านั้น



วิธีการรักษา โรคเท้าเหม็น

1. พยายามทำให้เท้าแห้งอยู่เสมอโดยอาจใช้แป้งฝุ่นฆ่าเชื้อโรยที่เท้าหรือยารักษาสิว (Benzoyl Peroxide)ก็นำมาใช้ได้เช่นกัน นอกจากนั้นก็อาจใช้ยาปฏิชีวนะ หรือยาฆ่าเชื้อราชนิดทาก็ได้


2.โบทอกซ์ที่ใช้แพร่หลายกันในเรื่องการลดริ้วรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้าก็สามารถนำมาใช้รักษาโรคเท้าเหม็นได้ด้วย โดยการฉีดโบทอกซ์เข้าไปที่ฝ่าเท้าเพื่อลดเหงื่อที่ออกมากๆประมาณ 6-12 เดือน ก็จะเห็นผล (วิธีการนี้มีค่าใช้จ่ายที่สูงมาก 10,000-20,000 บาท ต่อครั้ง)


3. การใช้ไอออนโตเพื่อลดเหงื่อซึ่งเป็นวิธีการที่ปฏิบัติกันมากว่าเจ็ดสิบปีแล้วโดยทำบริเวณที่มีเหงื่อให้เหงื่อออกมาครั้งละ 20-30 นาที สัปดาห์ละ 2-3 ครั้งจนเหงื่อที่ออกลดลงเป็นปกติ วิธีนี้ไม่เจ็บ ไม่แพงแต่ก็ไม่นิยมในบ้านเรา


4. แช่เท้าในน้ำล้างเท้าผสมสูตรระงับกลิ่นทุกวันโดยใช้เวลาประมาณ 15-20 นาที



สูตรผสมน้ำระงับกลิ่นเท้า

– น้ำอุ่นผสมน้ำส้มสายชูกับด่างทับทิม

– น้ำอุ่นผสมส้มฝานบางๆ อาจใช้มะนาวแทนก็ได้

– น้ำอุ่นผสมกระเทียมทุบ 2-3 กลีบ

– น้ำอุ่นผสมน้ำมะขามเปียก

– น้ำชาจีนอุ่นๆ ต้มแก่ๆ (สูตรนี้จะไม่ถูกกรดอ่อนๆ กัดเท้าเหมือนสูตรอื่น)



7 เคล็ดลับรักษาเท้าให้น่าคลั่งไคล้ 

1. จงเข้าใจว่าศัตรูของเท้าไม่ใช่ความแห้ง แต่เป็นกลิ่น ดังนั้นไม่ควรหมักหมมเท้าไว้ในรองเท้าให้นานเกินไปควรหาเวลาถอดเพื่อระบายเหงื่อหรือใช้สเปรย์แป้งเพิ่มความสดชื่นให้แก่เท้าอยู่เสมอ


2. เวลาล้างเท้าควรล้างอย่างพิถีพิถันโดยเฉพาะบริเวณแต่ละง่ามนิ้วเท้าควรใช้สบู่เด็กหรือผลิตภัณฑ์รักษาความสะอาดโดยเฉพาะเพราะบริเวณนั้นเป็นแหล่งรวมของเชื้อราเลยทีเดียว จากนั้นก็ล้างด้วยน้ำสะอาดให้หมดจด


3. ควรประณีตกับการล้างเท้าสักหน่อย โดยการใช้ หินลอย (Pumice Stone) มาขัดหนังที่แข็งกระด้างออกและไม่ลืมที่จะใช้เวลาในการเช็ดเท้าให้แห้งสนิทมากที่สุดด้วย


4. แล้วเมื่อเท้ามีอาการปวดเมื่อยจากการเดินหรือวิ่งก็ตาม ง่ายๆเลยเพื่อระงับความปวดเมื่อยคือ การนำเท้าไปแช่น้ำอุ่น (ผสมเกลือ)สัก 10-15 นาทีแล้วยกออก ตามด้วยการจุ่มน้ำเย็นสัก 1-2 นาที ก็จะทำให้รู้สึกผ่อนคลายและยังทำให้ผิวเท้านุ่มขึ้นอีกด้วย


5. เมื่อมีเวลาว่างเมื่อใด ก็ควรนำเท้าไปนวดครีมหรือนวดน้ำมันเพื่อรักษาผิวให้มีความชุ่มชื้นอยู่เสมอ


6. ไม่ควรใส่รองเท้าที่คับจนเกินไปเพราะนอกจากจะสร้างความเจ็บปวดแล้ว ยังทำให้เกิดแผลและตาปลาอีกด้วย


7. ไม่ควรทำเล็บที่ร้านเสริมสวยหรือใช้เครื่องมือของทางร้านเพื่อป้องกันความสกปรกหรือโรคผิวหนังที่จะติดมากับเครื่องมือเหล่านั้น (ทำด้วยตัวเองดีที่สุด)


 ที่มา :  http://women.mthai.com/beauty/health/19435.html

วันจันทร์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2559

เมนูอาหาร ลดน้ำหนัก ง่ายๆ ประจำตู้เย็น





หากเพื่อนๆ อยู่ในระหว่างแผนการควบคุมน้ำหนัก ซึ่งต้องอาศัยวินัยในการควบคุมอาหารเป็นอย่างมาก วันนี้เรามีเมนูอาหารที่เพื่อนๆควรจะมีติดตู้เย็นไว้ในช่วงการ ลดน้ำหนัก เราไปสำรวจกันเลยว่า ในตู้เย็นของเพื่อนๆ มีอาหารเหล่านี้อยู่หรือไม่

1.    สลัดผัก สำเร็จรูป
เดี๋ยวนี้หาได้ง่ายตามซุปเปอร์มาเก็ต หรือตามท้องตลาด อาจจะขายเป็นห่อ เป็นถุง หรือเป็นกล่อง ก็มีให้เลือกมากมาย สลัดผักส่วนใหญ่จะประกอบไปด้วย ผักใบเขียวต่างๆ เช่น ผักโขม ผักกาด กะหล่ำซอย แต่ถ้าอยากประหยัดเงิน เราก็ซื้อผักเหล่านี้มาติดตู้เย็นไว้เพื่อทำกินเองก็ได้ สลัดผักเป็นอาหารที่มีแคลอรี่ต่ำ ทำให้เราทานได้เรื่อยๆเมื่อหิว กินยังไงก็ไม่อ้วน แต่ถ้าหากกลัวว่ากินแล้วจะเบื่อหรือไม่อยู่ท้อง เราก็หาพวกผลไม้ต่างๆมาติดตู้เย็นไว้ เพราะผลไม้ก็เป็นอาหารที่มีแคลอรี่ต่ำเช่นกัน เพียงแค่นี้ก็เป้นอีก 1 ข้อง่ายๆในการควบคุมน้ำหนัก

2.    เนื้อสัตว์ ที่มีโปรตีนสูงแต่ไขมันต่ำ
เช่น อกไก่เลาะหนัง กุ้งต้ม ทูน่ากระป๋อง อาหารเหล่านี้มีโปรตีนสูง และยังสามารถนำมาเก็บไว้ทานพร้อมสลัดได้อีกด้วย

3.    นมไขมันต่ำ นมพร่องมันเนย
สามารถหาซื้อได้ง่ายตามซุปเปอร์มาเก็ตทั่วไป ทำให้ร่างกายเราได้รับทั้งโปรตีนและแคลเซียม ซึ่งล้วนแต่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายทั้งสิ้น แต่ถ้าเกิดเบื่อ เราก็สามารถทานโยเกิร์ตไขมันต่ำแทนก็ได้ เพื่อไม่ให้เมนูอาหารในการ ลดน้ำหนัก ซ้ำซากจำเจจนเกินไป

4.    ขนมปังโฮลวีต
ถึงแม้จะอยู่ในช่วง ลดน้ำหนัก แต่ร่างกายเราก็ยังต้องการคาร์โบไฮเดรต เพื่อเป็นพลังงานให้กับร่างกาย แต่เราก็ควรเลือกทานในปริมาณที่พอเหมาะ และเลือกเวลากินด้วย ไม่ควรกินอาหารประเภทแป้งในตอนเย็นหรือก่อนนอน ควรกินตอนเช้าเพื่อให้ร่างกายได้รับพลังงาน และเผาพลาญในตอนกลางวัน ควรกินในปริมาณที่เหมาะสมเช่นกัน กินมื้อเช้า 2 แผ่นรวมกับอาหารอื่นๆให้ท้องอิ่ม ก็เพียงพอแล้วกับการลดน้ำหนัก

         เมนูอาหารลดน้ำหนักที่แนะนำเพื่อนๆมาทั้งหมด เป็นเมนูอาหารที่หาซื้อง่าย ทำเองได้ง่าย ช่วยให้เพื่อนๆลดน้ำหนักได้ง่ายขึ้น แต่อยู่ที่ว่าเพื่อนๆ จะมีวินัยในการกินแค่ไหน ใช่ว่าซื้ออาหารมาแช่ไว้ในตู้เย็นเฉยๆ แต่ไปกินข้าวข้างนอกซะพุงกาง แบบนี้ก็ไม่เรียกว่าการ ลดน้ำหนัก ซะแล้ว….

ที่มา 108health.com

วันเสาร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2559

ลดความอ้วน กับ เมนูอาหารเช้าแบบง่ายๆ




1. ข้าวโอ๊ต
เป็นหนึ่งในเมนูแนะนำของมื้อเช้าเลย เหมาะกับคนทุกวัยและทุกรูปร่าง เป็นตัวช่วยสำคัญในการทำความสะอาดระบบการย่อยในทางเดินอาหาร เรียกได้ว่าเคลียร์พื้นที่ในลำไส้นั่นแหละ ช่วยลดปริมาณระดับคอเลสเตอรอลที่ร่างกายจะได้รับเข้ามา ข้าวโอ๊ตหนึ่งถ้วยใส่นม หรือเติมช็อกโกแลตด้วยเล็กน้อยก็พอช่วยให้คุณอิ่มท้องได้แล้ว คาร์โบไฮเดรตในข้าวโอ๊ตช่วยเติมพลังให้คุณได้โดยที่ไม่มีแคลอรีสูงด้วย



2. ผลไม้สด
เริ่มต้นเช้าวันใหม่ เติมความสดชื่นด้วยผลไม้สด ๆ ชุ่มฉ่ำ เป็นวิธีธรรมชาติที่ช่วยลดไขมันส่วนเกินในร่างกายและขจัดสารพิษตกค้าง องุ่นสักพวง แอปเปิ้ลสักลูก หรือกีวีฝาน ช่วยให้ทั้งพลังงานและเติมความสดชื่น กินคู่กับนมหรือกาแฟสักแก้ว ก็จะได้สุดยอดอาหารเช้าไดเอ็ตแล้ว



3. ซีเรียลกับนม
สองคู่หูแสนอร่อย โดยเฉพาะสำหรับเด็ก ๆ คอร์นเฟล็กซ์กับนมอย่างง่าย ๆ นี้ให้พลังงานกับร่างกายคุณได้แน่นอน โดยไม่เพิ่มไขมันที่คุณย่อมไม่ต้องการ อาจเติมผลไม้ลงไปสักหน่อย เช่น พีช เบอร์รี่ หรือแอปเปิ้ล เป็นอาหารเช้าอย่างง่าย ๆ ที่ดีต่อการไดเอ็ตอย่างมาก



4. สลัดผัก
เหมาะกับช่วงหน้าร้อนอาจเป็นเมนูที่น่าเบื่อสำหรับบางคน แต่ก็ไร้ไขมันส่วนเกินนะ กินคู่กับผลไม้และนมสักหน่อยก็ช่วยให้คุณรู้สึกกระฉับกระเฉงได้ การกินผักสดตั้งแต่หัววันเป็นเรื่องดีมาก เพราะเป็นการเปิดทางให้ระบบย่อยอาหารนั้นโล่งสะดวก พร้อมรับอาหารในตลอดทั้งวันที่เหลือ



 5. มิลค์เชค
นม ชา หรือกาแฟปั่นนั้น เหมาะกับคนที่ชอบดื่มพวกชา และกาแฟมาก เพราะให้แคลอรีค่อนข้างสูงพอที่จะเติมพลังให้คุณ แต่ต้องคอยควบคุมน้ำตาล อย่าให้หวานเกินไปล่ะ เพราะจะกลายเป็นเพิ่มน้ำหนักให้คุณได้

ที่มา : http://women.mthai.com/beauty/health/108217.html

วันอังคารที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2559

เชอร์รี่ ผลไม้ ดีดี… วิตามินซี สูงงง




เชอร์รี่ เป็นผลไม้รสเปรี้ยวอมหวาน สาวๆญี่ปุ่นจะนิยมทานกันสดๆ เพราะจะมีประโยชน์ต่อผิวพรรณและสุขภาพอย่างมาก หรือเอามาทำเป็นเครื่องดื่มก็ช่วยเพิ่มความสดชื่นสดใสให้กับคุณสาวๆได้ไม่น้อยเลย
ประโยชน์ดีดีที่ได้จาก เชอร์รี่

              เชอร์รี่ เป็นผลไม้ที่มีวิตามินสูงงงงง….ที่สุดในบรรดาผลไม้ต่างๆ มีวิตามินซีสูงกว่าส้มประมาณ 30-80 เท่า แล้วแต่พันธุ์ของเชอร์รี่ เชอร์รี่ที่มีวิตามินซีสูงที่สุด คือ เชอร์รี่ กึ่งสุกกึ่งดิบ โดยสังเกตว่าเป็นช่วงที่มีสีเขียวปนส้ม วิตามินซีในเชอร์รี่จะช่วยป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน ดูแลความงามผิวพรรณ ชะลอความแก่ ต้านอนุมูลอิสระ และต้านมะเร็ง

ที่มาจากนิตยสาร Gossip Extra

วันอาทิตย์ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2559

ล้างพิษ ด้วย ผลไม้



องุ่น

เป็นสารฟอกล้างสำหรับผิวหนัง ตับ ลำไส้และไตโดยเฉพาะ เนื่องจากองุ่นมีคุณสมบัติรักษาน้ำมูกที่จะออกมาจากเยื่อเมือกต่างๆในร่างกาย องุ่นยังให้พลังงานสูงและนำไปใช้ได้ง่าย เกลือแร่อุดม ดังนั้นจึงช่วยบำรุงเลือดและซ่อมสร้างเซลล์ในร่างกาย


สับปะรด

มีเอนไซม์โปรเมลินสูง เอนไซม์ตัวนี้จะช่วยการทำงานของกรดไฮโดรคลอริกในกระเพาะ และช่วยทำให้ของเสียที่เป็นโปรตีนแตกตัวได้เร็วขึ้น เชื่อกันว่าสับปะรดช่วยรักษาอาการอักเสบในทางเดินอาหาร ช่วยในการซ่อมแซมส่วนต่างๆที่สึกหรอ ช่วยการทำงานของต่อมไร้ท่อและช่วยกำจัดน้ำมูก

แอปเปิ้ล

เป็นผลไม้ที่ดีที่สุดสำหรับการขจัดของเสียออกจากร่างกาย สารในแอปเปิ้ลจะช่วยนำสารพิษไปกำจัดทิ้ง ทั้งยังป้องกันไม่ให้โปรตีนในลำไส้เกิดการบูดเน่า แอปเปิ้ลยังมีเส้นใยมากจะทำหน้าที่เป็นไม้กวาด ทำความสะอาดลำไส้ช่วยให้ตับและระบบย่อยทำงานได้ดียิ่งขึ้น กระตุ้นน้ำย่อย นอกจากนี้ยังมีวิตามินและเกลือแร่ และยังเหมาะกับผู้ที่กำลังลดน้ำหนักอีกด้วยค่ะ


มะละกอ มะม่วง แตงโม

ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันแต่มะม่วงมีสารสำคัญน้อยกว่ามะละกอเล็กน้อย ผลไม้ทั้งสองชนิดมีเอนไซม์ชื่อปาเปน ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับน้ำย่อยเปปซินในกระเพาะอาหาร ดังนั้นมันจึงช่วยทำให้ของเสียที่เป็นโปรตีนแตกตัวได้เร็วขึ้นเช่นเดียวกับโปรเมลิน ทั้งมะละกอและมะม่วงดีสำหรับทำความสะอาดลำไส้และช่วยย่อยอาหาร เชื่อกันว่ามะละกอยังช่วยลดอาการซึมเศร้าได้อีกด้วย


แตงโม

มีฤทธิ์ขับปัสสาวะ ดังนั้นจึงช่วยฟอกล้างร่างกายได้เป็นอย่างดี ใช้รักษาแผลในกระเพาะ ลดความดันเลือดสูง ทำให้สบายท้อง น้ำคั้นจากเปลือกของแตงโมและเมล็ด หากดื่มก่อนกินเนื้อแตงโมในมื้ออาหารสักครึ่งชั่วโมง จะทำให้ได้ประโยชน์สูงสุด เนื่องจากเปลือกของแตงโมอุดมด้วยคลอโรฟิลล์และเมล็ดอุดมด้วยวิตามิน



ที่มา :  ddnature.co.th

วันศุกร์ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2559

กินวิตามิน.. เกลือแร่ แก้ แพ้อากาศ




คนไหนที่รู้ตัวว่ากำลังเป็นโรคแพ้อากาศ มีทางออกที่ช่วยลดการแพ้อากาศมาบอก…
    ลดอาการ แพ้อากาศ ได้โดยการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ดื่มน้ำเปล่ามาก ๆ พักผ่อนให้เพียงพอ และที่สำคัญควรกินผักผลไม้สด เพื่อให้ได้รับวิตามินและเกลือแร่ที่ช่วยลดการ แพ้อากาศ

 วิตามินและเกลือแร่ที่ช่วยลดการแพ้อากาศ ได้แก่

    – วิตามินซี ช่วยป้องกันและเสริมสร้างเซลล์เม็ดเลือด ป้องกันหวัดและการแพ้อากาศ แหล่งที่พบมากได้แก่ ฝรั่ง ส้ม และสับปะรด

    – วิตามินอี ช่วยสร้างภูมิคุ้นกัน ต้านอนุมูลอิสระ และเสริมสร้างเซลล์ผิวให้แข็งแรง แหล่งที่พบมากได้แก่ ธัญพืช ข้างกล้อง และรำข้าว

    – วิตามินเอ ช่วยต้านอนุมูลอิสระและเสริมสร้างการทำงานของเซลล์เม็ดเลือด แหล่งที่พบมากได้แก่ ผักบุ้ง คะน้า ตำลึง แครอท มะเขือเทศ ฟักทอง มะละกอ และน้ำมันตับปลา

    – สังกะสี (Zinc) ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย และป้องกันอนุมูลอิสระ แหล่งที่พบมากได้แก่ อาหารทะเล ธัญพืช และผลิตภัณฑ์นม

    – ซิลิเนียม (Selenium) เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเซลล์และเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน แหล่งที่พบมากได้แก่ เนื้อสัตว์ ธัญพืช จมูกข้าว รำข้าว เห็ด และกะหล่ำปลี

รู้อย่างนี้แล้ว ถ้าอยากลดอาการแพ้อากาศ ลองหาวิตามินและเกลือแร่ที่แนะนำมาทานกันดีกว่า.

ที่มา :  http://women.mthai.com/beauty/health/19486.html

วันพุธที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2559

7 วิธีหนีความอ้วน



1.ก่อนลงมือทานอาหารควรดื่มน้ำก่อนสักหนึ่งแก้ว
จะช่วยทำให้คุณทานอาหารได้น้อยลง แต่ก็อิ่มได้

2.ควรทานอาหารในถ้วยหรือจานใบเล็กๆ
เพราะการที่คุณต้องตักเพิ่มหลายๆรอบ จะทำให้คุณรู้สึกว่าคุณทานเยอะพอแล้ว

3.การเคี้ยวอาหารต้องเคี้ยวให้ละเอียด
เคี้ยวประมาน 15-20 ครั้งแล้วค่อยกลืน การทานอาหารช้าๆทำให้คุณจะค่อยๆรู้สึกว่าอิ่มจนทานได้ไม่เยอะ

4.อย่ายืนทาน
ควรนั่งทานให้เป็นกิจลักษณะ เพราะการยืนทานจะทำให้คุณรู้สึกว่าเป็นการกินเล่นๆ แล้วคุณก็จะไปหนักในมือถัดไป

5.ทานอาหารแล้วอย่าทานหมดนะ
ต้องเหลือไว้บาง นิดหน่อยก็ยังดี บางคนอาจจะเสียดาย แต่อยากให้จำไว้ถ้าเรากินเพราะเสียดายก็ไม่มีทางผอมค่ะ กินเพื่ออยู่พอค่ะ อย่าอยู่เพื่อกิน ยังไงประโยคนี้ก็ยังใช้ได้อยู่นะค่ะ “You are what you eat”

6.ออกกำลังกาย
เล่นกีฬาที่เราถนัด เพื่อที่กล้ามเนื้อเราจะได้กระชับขึ้นและเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้นด้วย

7.การทานอาหารเช้า
รู้ไหมว่ามันเป็นมื้อที่สำคัญที่สุด เพราะถ้าคุณทานอาหารเช้า แล้วพอตอนบ่ายคุณทานอีก ตกเย็นคุณจะไม่หิวโซ จึงทำให้คุณทานอาหารเย็นได้น้อย และการเผาผลาญก็จะเร็วกว่าคนที่มาเริ่มต้นทานตอนบ่าย เคยมีคนบอกว่า “มื้อเช้าให้ทานอย่างพระราชา มื้อเที่ยงให้ทานอย่างคนธรรมดา มื้อเย็นให้ทานอย่างคนจน” เชื่อไหมค่ะถ้าทำตามนี้ผอมแน่ มื้อเช้าคุณอยากทานอะไรก็ตามใจเลยเต็มที่ แต่มื้อเย็นคุณควรทานแต่พอกิน นิดๆหน่อยๆพอ แล้วคุณเชื่อไหมว่าคุณไม่ต้องทนทรมานหิวโหยต้องอดมื้อกินมื้อ คุณกินได้ทุกมื้อแต่ต้องรู้จักกินเท่านั้นแหละค่ะ

อยากมาแนะนำให้คนที่อยากผอมแต่อยากกินทุกอย่าง แล้วน้ำหนักคุณจำค่อยๆลดลงเอง จริงๆสูตรการทานก็ไม่มีอะไรมาก

มื้อเช้า ทานอาหารหนักๆ พวกข้าว ก๋วยเตี๋ยว อยากทานขนมต่อก็ได้ค่ะ มื้อเช้าอยากทานอะไรก็ทานเต็มที่ค่ะ ทานให้อิ่มเลยนะค่ะ

มื้อเที่ยง ทานอาหารที่ไม่ใช่อาหารหลัก ทานพวกไส้กรอก ขนมปัง ไข่ ผลไม้ ขนมหวานก็ได้ ไปๆมาๆเหมือนทานอาหารเช้าเลย แต่ถ้าอยากทานข้าวก็ทานสักครึ่งจานพอค่ะ

มื้อเย็น ทานแค่พออิ่ม เช่น ส้มตำ ผลไม้ เกาเหลา อาหารเบาๆพอค่ะ เป็นอาหารที่ย่อยง่ายๆจะดีมาก


ที่มา : http://women.mthai.com/beauty/health/19313.html