วันอังคารที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2559

นอนไม่หลับ ผักบุ้ง ช่วยได้นะ กินผักบุ้งแล้วดียังไงอีกบ้าง มาดูเลย!

ผักบุ้ง นั้นเป็นผักที่มีประโยชน์มาก นอกจากจะมีประโยชน์ในด้านบำรุงสายตาอย่างที่ทุกคนแล้วนั้น ยังมีประโยชน์อื่นๆ ที่หลายอาจจะยังไม่ทราบ วันนี้จึงได้นำประโยชน์นั้นมานำเสนอ เพื่อให้คนที่ไม่ชอบกินผักบุ้งจะต้องเปลี่ยนใจ เพื่อร่างกายที่แข็งแรง




รักษาอาการนอนไม่หลับ ผักบุ้งนั้นอุดมด้วยสารเซเลเนียม และสังกะสีที่มีสรรพคุณช่วยผ่อนคลายประสาท ทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น และนอนหลับได้ในที่สุด

บำรุงเลือด ธาตุเหล็ก ถือเป็นสารอาหารที่มีความสำคัญต่อระบบโลหิต เพราะฮีโมโกลบินที่อยู่ในเลือดนั้นต้องได้รับธาตุเหล็กอย่างเพียงพอ ฉะนั้นก็อาจจะทำให้เกิดภาวะโลหิตจาง และการรับประทานผักบุ้งก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะได้รับธาตุเหล็กอย่างเพียงพอ

บำรุงตับ ผักบุ้ง ช่วยบำรุงตับได้เพราะผักบุ้งมีสารอาหารมากมายที่ช่วยในการล้างพิษและสารต้านอนุมูลอิสระที่ป้องกันเซลล์ไม่ให้ถูกทำลาย

ลดน้ำตาลในเลือด สำหรับผู้ป่วยเบาหวาน เพราะว่าผักบุ้งสามารถช่วยลดน้ำตาลในเลือดและลดการดูดซึมของกลูโคสของร่างกายได้ ไม่เพียงเท่านั้นสตรีตั้งครรภ์ ผักบุ้งยังเข้าไปเสริมสร้างความต้านทานกลูโคสในร่างกาย และช่วยรักษาโรคเบาหวานได้

แก้ท้องผูก ผักบุ้งสามารถแก้อาการท้องผูกได้ เพราะไฟเบอร์ในผักบุ้งนี้จะเข้าไปช่วยทำให้ระบบการขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้น นอกจากนี้ผักบุ้งยังมีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อนๆ อีกด้วย

ช่วยลดน้ำหนัก ผักใบเขียวเป็นอาหารลดน้ำหนักที่ได้ผลดี ผักบุ้งก็เป็นหนึ่งในนั้น ด้วยปริมาณไฟเบอร์ที่สูง และปริมาณแคลอรีที่ต่ำ ทำให้เมื่อรับประทานเข้าไปแล้วจะทำให้อิ่มง่าย และอิ่มนานขึ้น หมดปัญหาการรับประทานอาหารมากเกินไป หรือหิวบ่อยระหว่างวัน

ลดคอเลสเตอรอล ผักบุ้งยังมีส่วนสำคัญในการลดลงของคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ในร่างกายได้ ซึ่งส่งผลดีต่อระบบหลอดเลือดและหัวใจอีกด้วย

ป้องกันโรคหัวใจ ผักบุ้งมีวิตามินเอ และวิตามินซี ตลอดสารเบต้า-แคโรทีน มีเป็นสารทีมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ อีกทั้งยังช่วยป้องกันไม่ให้คอเลสเตอรอลรวมตัวกับออกซิเจน ไปเกาะอยู่ตามหลอดเลือด ทำให้เกิดการอุดตันของเส้นเลือด จนเกิดหัวใจวาย หรือโรคหลอดเลือดในที่สุด

นอกจากนี้ โฟเลตในผักบุ้งก็ยังช่วยทำให้โฮโมซีสเตอีน กรดอะมิโนที่เป็นต้นเหตุของโรคหัวใจลดลงได้ ลดความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด ขณะที่แมกนีเซียมในผักบุ้งเองก็ยังลดความดันโลหิตได้ ถือเป็นการป้องกันการเกิดโรคหัวใจได้อีกทางหนึ่ง

ต้านมะเร็ง  ผักบุ้งเป็นแหล่งที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระมากถึง 13 ชนิด จึงทำให้เป็นผักอีกชนิดหนึ่งที่สามารถช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็งได้ โดยเฉพาะโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และลำไส้ตรง มะเร็งช่องท้อง รวมทั้งมะเร็งผิวหนังและมะเร็งเต้านม เพราะสารต้านอนุมูลอิสระจะเข้าไปป้องกันไม่ให้เซลล์ในร่างกายถูกทำลาย










ที่มาบทความจาก http://www.thaihealth.or.th/

วันอังคารที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2559

ประโยชน์ของ "ไข่"



ประโยชน์ของ "ไข่"

1. อุดมไปด้วยวิตามินชนิดต่าง ๆ และแร่ธาตุมากมายหลากหลายชนิด อาทิเช่น วิตามิน
บี วิตามินซี วิตามินดี วิตามินอี วิตามินเค


2. ช่วยลดความดันโลหิต จากการศึกษาพบว่า เปปไทด์ในไข่สามารถช่วยลดระดับความดันโลหิตในเลือดสูงได้


3. เป็นแหล่งโปรตีนที่ดีเยี่ยม ในไข่เพียง 1 ฟอง มีโปรตีนอยู่ถึง 6 กรัม ถือเป็นแหล่งโปรตีนที่ดีเยี่ยมเหมาะสำหรับคนที่ไม่สามารถรับประ­­­ทานเนื้อสัตว์ได้ค่ะ


4.มีไขมันโอเมก้า 3 ไข่เป็นอาหารที่อุดมด้วยไขมันโอเมก้า 3 สูง ซึ่งเป็นไขมันที่มีความจำเป็นต่อร่างกาย แถมยังช่วยบำรุงหัวใจให้แข็งแรงอีกด้วย


5. อุดมไปด้วยกรดอะมิโนที่สำคัญ ไข่ถูกเรียกว่าเป็นสุดยอดอาหารที่ดีกับสุขภาพ เหตุหนึ่งก็เพราะไข่เป็นแหล่งสะสมของกรดอะมิโนที่สำคัญต่อร่างก­­­ายถึง 9 ชนิดเลยทีเดียว


6. บำรุงสมองและระบบประสาท ในไข่เพียง 1 ฟอง มีโคลีน (Choline) มากถึง 20% ที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน ซึ่งโคลีนเป็นส่วนประกอบของเยื่อหุ้มเซลล์ เยื่อหุ้มสมอง ส่งผลให้สมองและระบบประสาทแข็งแรง
7. อุดมด้วย ลูทีน (Lutein) และ ซีแซนทีน (Zeaxanthin) สารทั้ง 2 ชนิดนี้เป็นสารแคโรทีนอยด์ที่มีความสำคัญกับสุขภาพดวงตา ทั้งนี้ยังช่วยปกป้องร่างกายจากสารอนุมูลอิสระ และยังช่วยลดความเสี่ยงโรคจอประสาทเสื่อมได้อีกด้วย


8. มีทริปโตเฟน (Tryptophan) และ ไทโรซีน (Tyrosine) ไข่มีกรดอะมิโนที่สำคัญอยู่มากมาย โดยเฉพาะ 2 ชนิดนี้ ซึ่งกรดอะมิโนเหล่านี้ทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ นอกจากนี้ทริปโตเฟนยังเป็นสารที่เมื่อเข้าสู่ร่างกายจะไปช่วยสร้างสารเซโรโทนิน ช่วยทำให้อารมณ์ดี และยังเปลี่ยนเป็นสารเมลาโทนินที่ช่วยในการนอนหลับอีกด้วย


9. มีวิตามินบี 12 สูง นอกจากจะมีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระแล้ว วิตามินบี 12 ในไข่ยังเป็นแร่ธาตุที่สำคัญในกระบวนการแปลงโฮโมซิสเตอีน (Homocysteine) ตัวร้าย ให้กลายเป็นโมเลกุลที่ปลอดภัยต่อร่างกาย อย่างเช่น กลูต้าไธโอน เป็นต้น


10. แหล่งอุดมแคลเซียม ไข่มีแคลเซียมสูงถึง 50 มิลลิกรัม หรือ 5% ของแคลเซียมที่ควรได้รับต่อวัน นอกจากนี้การรับประทานไข่ทุกวันยังช่วยลดความเสี่ยงมะเร็ง­เต้านมและการเกิดติ่งเนื้อเมือกในลำไส้ใหญ่อีกด้วย


11. ลดความเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจ สารโคลีนที่อยู่ในไข่เป็นสารอาหารสำคัญในการช่วยลดการอักเสบ­อันเป็นสาเหตุของโรคหัวใจ


12. ลดความพิการตั้งแต่กำเนิด หญิงที่กำลังตั้งครรภ์ต้องการโฟเลตในปริมาณที่มากกว่าปกติเพื่อ­­­สร้างเสริมให้ทารกในครรภ์มีสุขภาพดีและเจริญเติบโตอย่างแข็งแรงสม­บูรณ์ และในไข่นั้นมีปริมาณโฟเลตอยู่ถึง 44 ไมโครกรัม คิดเป็น 11% ของปริมาณที่ควรได้รับต่อวัน


13. แหล่งวิตามินเอที่สำคัญ วิตามินอีกชนิดที่มีมากในไข่ที่เรารับประทานนั้นก็คือวิตามินเอ­­­ ซึ่งมีถึง 19% ของปริมาณที่ควรได้รับต่อวัน วิตามินเอทำหน้าที่สำคัญในการสร้างเสริมระบบภูมิคุ้มกันให้แข็ง­­­แรง


14. บำรุงผมและเล็บ สารอาหารและวิตามินต่าง ๆ โดยเฉพาะซัลเฟอร์สามารถช่วยบำรุงดูแลสุขภาพผมและเล็บได้ ใครที่มีปัญหาเรื่องเล็กเปราะหักได้ง่ายควรจะรับประทานไข่ค่ะ


15. ป้องกันสารอนุมูลอิสระทำลายเซลล์ สารเซเรเนียมในไข่เป็นแร่ธาตุสำคัญซึ่งทำหน้าที่ลดการถ­ูกทำลายของเซลล์จากสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดโรคมะเร็งและเนื้องอก โดยเฉพาะโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก


16. ช่วยในการมองเห็นและลดความเสี่ยงโรคต้อกระจก ไข่ไม่ได้เพียงแต่ช่วยลดการเกิดจอประสาทตาเสื่อมเท่านั้น แต่สารต้านอนุมูลอิสระในไข่ยังช่วยป้องกันดวงตาจากการทำลายของรังสียูวี และช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคต้อกระจกเมื่อแก่ตัวลงได้อีกด้วย


17. สร้างเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน นอกจากวิตามินหลากหลายชนิดแล้วไข่ยังมีธาตุเหล็กที่ทำหน้าที่สร้างเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงและการผลิตเซลล์เม็­ดเลือดแดงให้เป็นไปอย่างปกติอีกด้วย


18. ช่วยลดน้ำหนัก จากการศึกษาของมหาวิทยาลัยลุยเซียนาพบว่าคนที่รับประทานไข่ในมื้­้อเช้าสามารถลดน้ำหนัก และมีแรงมากกว่าคนที่รับประทานอาหารเช้าเป็นขนมปัง


19. เป็นของแหล่งวิตามินดี วิตามินดี เป็นแร่ธาตุสำคัญที่สร้างเสริมระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายและ­ป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง โดยไข่หนึ่งฟองมีวิตามินดีถึง 41 ยูนิต หรือ7 % ของปริมาณวิตามินดีที่ควรได้รับต่อวัน


20. ลดอาการอักเสบ อาการอักเสบในร่างกายมีความเกี่ยวข้องกับการเกิดโรคต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นโรคกระดูกพรุน อัลไซเมอร์ หรือแม้แต่โรคเบาหวานชนิดที่ 2 และสารที่ช่วยในการลดการอักเสบในร่างกายก็คือโคลีน ที่สามารถหาได้ในไข่ลูกกลม ๆ นี่ล่ะค่ะ


21. มีประโยชน์ต่อทารกในครรภ์ โคลีนในไข่เป็นสารอาหารที่สำคัญต่อการตั้งครรภ์ สารอาหารดังกล่าวจะเข้าไปช่วยพัฒนาสมองและป้องกันการเกิดความผิดปกติในท่อประสาทอีกด้วย


22. ลดความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด หลายการศึกษาแสดงให้เห็นว่าสารอาหารในไข่สามารถช่วยป้องกันการแ­­­ข็งตัวของเลือด ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดหัวใจวายและโรคหลอดเลือดหัวใจได้


23. บำรุงความจำ ปริมาณแร่ธาตุและวิตามินในไข่ที่สูงสามารถช่วยสร้างเสริมการทำง­­­านของสมองในส่วนที่เกี่ยวข้องกับความจำและการเรียนรู้ได้


24. ราคาไม่แพง ไข่เป็นอาหารที่มีราคาไม่แพงและสามารถหาซื้อได้ทั่วไป ยิ่งถ้าหากอยากให้ได้ประโยชน์อย่างเต็มที่ก็ควรซื้อไข่ที่สดใหม­­­่จากฟาร์ม หรือจะเลี้ยงไก่ไข่ไว้เก็บไข่กินก็ได้เหมือนกันนะคะ


25. ทำอาหารได้หลากหลาย ไม่ว่าจะต้ม ตุ๋น เจียว ทอด ไข่ก็สามารถทำได้หมดเลยล่ะค่ะ และถ้าอยากให้ได้ประโยชน์มากขึ้นก็ลองเติมผัก หรือสมุนไพรลงไปปรุงได้ รับรองได้ประโยชน์เพียบ





ที่มา: http:///www.google.co.th/search?q=ประโยชน์ของไข่&hl=th&biw=1600&bih=772&source=lnms&sa=X&ved=0ahUKEwj_p9nV4KDKAhWSBY4KHUlFA7AQ_AUIBigA&dpr=1

วันพุธที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2559

วิธีทำความสะอาด พัดลมไอเย็น แบบง่ายๆ


เมื่อพูดถึงพัดลม พัดลมไอเย็น ให้ความเย็นสดชื่นเหมือนลมจากธรรมชาติ ทำงานด้วยการดึงความร้อนของอากาศผ่านแผ่นทำความเย็น ทำให้พื้นที่รอบๆเย็นสบาย ไม่มีความชื้นในอากาศไม่ทำให้อับอากาศที่มีความร้อนพัดลมไอน้ำจะช่วยระบายความร้อนในอากาศ และยังช่วยป้องกันอากาศร้อนจากข้างนอกเข้าสู่ข้างใน ง่ายในการทำความสะอาดโดยถอดแผ่น Cooling Pad ออกมาล้างกำจัดฝุ่น การล้างทำความสะอาดช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการการทำความเย็นอีกด้วย วันนี้เรามีวิธีทำความสะอาดพัดลมไอเย็นมาฝากกัน

พัดลมไอเย็น คืออะไร
พัดลมไอเย็น คือพัดลมที่ทำงานผ่านระบบ Evaporative Cooling Systems หรือการดึงความร้อนจากอากาศผ่านแผ่นทำความเย็น ซึ่งเมื่อสัมผัสกันจะทำให้น้ำระเหยและแปรเปลี่ยนเป็นไอเย็นที่ส่งผ่านออกมา ช่วยให้อุณหภูมิภายในห้องลดลงได้

มื่อพูดถึงพัดลม พัดลมไอเย็น ให้ความเย็นสดชื่นเหมือนลมจากธรรมชาติ ทำงานด้วยการดึงความร้อนของอากาศผ่านแผ่นทำความเย็น ทำให้พื้นที่รอบๆเย็นสบาย ไม่มีความชื้นในอากาศไม่ทำให้อับอากาศที่มีความร้อนพัดลมไอน้ำจะช่วยระบายความร้อนในอากาศ และยังช่วยป้องกันอากาศร้อนจากข้างนอกเข้าสู่ข้างใน ง่ายในการทำความสะอาดโดยถอดแผ่น Cooling Pad ออกมาล้างกำจัดฝุ่น การล้างทำความสะอาดช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการการทำความเย็นอีกด้วย วันนี้เรามีวิธีทำความสะอาดพัดลมไอเย็นมาฝากกัน

พัดลมไอเย็น คืออะไร

พัดลมไอเย็น คือพัดลมที่ทำงานผ่านระบบ Evaporative Cooling Systems หรือการดึงความร้อนจากอากาศผ่านแผ่นทำความเย็น ซึ่งเมื่อสัมผัสกันจะทำให้น้ำระเหยและแปรเปลี่ยนเป็นไอเย็นที่ส่งผ่านออกมา ช่วยให้อุณหภูมิภายในห้องลดลงได้

พัดลมไอเย็น กับ พัดลมไอน้ำ ต่างกันอย่างไร
เป็นเพราะชื่อเรียกใกล้เคียงกัน หลายคนจึงคิดว่า พัดลมไอเย็น และ พัดลมไอน้ำ จะมีการใช้งานแบบเดียวกัน หรือบางคนอาจจะคิดว่าเป็นชนิดเดียวกันเลยก็มี ซึ่งที่จริงแล้ว พัดลมไอเย็น กับ พัดลมไอน้ำ ไม่ใช่ชนิดเดียวกัน และมีความแตกต่างกัน ดังนี้

พัดลมไอน้ำ จะทำงานโดยการพ่นละอองน้ำออกมาแล้วใช้พัดลมเป่าให้ละอองน้ำกระจายตัว จึงเหมาะสำหรับพื้นที่ที่ต้องการความชื้น เช่น โรงเพาะชำ หรือที่โล่งแจ้ง แต่อาจไม่เหมาะกับที่อับ เช่น ภายในบ้าน หรือโรงอาหาร เป็นต้น

พัดลมไอเย็น จะทำงานด้วยการดึงความร้อนของอากาศผ่านแผ่นทำความเย็น จนน้ำระเหยออก เหลือไว้เพียงอุณหภูมิที่ลดลง จึงทำให้พื้นที่โดยรอบรู้สึกเย็นสดชื่น โดยไม่มีความชื้นในอากาศ ซึ่งเหมาะกับบ้านพักอาศัยมากกว่า

ข้อดีของ พัดลมไอเย็น

  • ลดอุณหภูมิได้ 4-10 องศาเซลเซียส
  • ไม่มีละอองน้ำ
  • ไม่ทำให้อับชื้น
  • ได้ลมเย็นสดชื่น เหมือนลมธรรมชาติ
  • ใช้ได้ทั้งในพื้นที่เปิดและปิด
  • ใช้งานง่าย เคลื่อนย้ายสะดวก
  • ประหยัดไฟ
  • ประหยัดน้ำ เพราะมีการหมุนเวียนน้ำในระบบ
  • บำรุงรักษาง่าย เสียค่าใช้จ่ายน้อย


วิธีทำความสะอาด พัดลมไอเย็น แบบง่ายๆทำได้เองที่บ้าน

  1. ถอดแผ่น Cooling Pad ออกมาทำความสะอาดฉีดพ้นน้ำเพื่อทำความสะอาดฝุ่นละอองติดแน่น ห้ามใช้สารเคมีหรือผงซักฟอกในการล้าง
  2. ทำความสะอาดแผ่นกรองฝุ่น ดึงแผ่นฟิวเตอร์ออกมาจากเครื่อง ล้างทำความสะอาดใช้ผ้าเช็ดให้แห้ง แผงกรองฝุ่นควรทำความสะอาดอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง
  3. ทำความสะอาดถังพักน้ำ นำตะแกรงออกจากแผง หมุนวาล์วน้ำทิ้งเพื่อลดกลิ่นอับชื้น ล้างอ่างพักน้ำให้สะอาด รวมทั้งตัวควบคุม กำจัดคราบสกปรกที่ตัวปั้มน้ำ และแผงใส่ฟิวเตอร์
  4. เช็ดตัวอุปกรณ์ให้แห้งทุกชิ้น ห้ามใช้น้ำยาสารเคมีต่างๆ








ที่มา: http://thairats.com/เกร็ดความรู้/ทำความสะอาด-พัดลมไอเย็น

วันจันทร์ที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2559

วิธีแก้การนอนกัดฟันแบบง่ายๆ อยากเลิกนอนกัดฟัน ต้องลองดูนะ!!



วิธีแก้การนอนกัดฟันแบบง่ายๆ อยากเลิกนอนกัดฟัน ต้องลองดูนะ!! Photo By julianadentista.com

อาการนอนกัดฟัน มีสาเหตุมาจากปัจจัยหลายๆอย่าง ไม่ว่าจะเป็น ความเครียด ความวิตกกังวล พันธุกรรม หรือแม้แต่ผลจากการใช้ยาบางชนิด อาทิเช่น ยาต้านโรคซึมเศร้าบางตัว และอื่นๆ

การนอนกัดฟัน มักเกิดขึ้นเมื่อนอนหลับไม่ลึกพอ หรืออาจเกิดจากความเครียด หากเป็นบ่อยๆ จะทำให้ฟันสึกกร่อน มีอาการเสียวฟัน หรืออาจเกิดอาการเจ็บบริเวณหูและขากรรไกร

แต่สิ่งสำคัญที่สุด ก็คือทำให้ผู้ที่นอนร่วมห้องเกิดความรำคาญและเสียสุขภาพจิต เราขอแนะนำเคล็ดลับที่ช่วยให้อาการนอนกัดฟันทุกเลาเบาบางลงได้ค่ะ

1. งดอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีกาเฟอีน เช่น เครื่องดื่มโคลา ช็อกโกแลต และกาแฟ 

2. งดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เพราะอาการนอนกัดฟันมักเกิดขึ้นหลังจากดื่มแอลกอฮอล์ 

3. เลิกนิสัยการกัดสิ่งของต่างๆ ที่ไม่ใช่อาหาร เช่น ดินสอ ปากกา 

4. หลีกเลี่ยงการเคี้ยวหมากฝรั่ง เพราะทำให้กล้ามเนื้อขากรรไกรได้บดเคี้ยวมาก ซึ่งทำให้มีแนวโน้มที่จะนอนกัดฟันมากขึ้น 

5. ใช้ผ้าอุ่นๆ รองตั้งแต่คางไปถึงใต้ใบหูตอนนอนกลางคืนเพื่อผ่อนคลายขากรรไกร 

หลังจากนำเคล็ดลับข้างต้นไปใช้ หวังว่าเสียงกรอดกรอด จะค่อยๆ เงียบลงทุกคืนเช่นกันคะ 

ที่มา : นิตยสารชีวจิต ฉบับที่ 298 มีนาคม 2554

ที่มา: http://www.tips108.com/2015/08/blog-post_20.html