วันเสาร์ที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2559

ออกกำลังกาย เพื่อยืดกล้ามเนื้อ

        ก่อนออกกำลังกายเราควรจะมีการยืดกล้ามเนื้อก่อนเผื่อให้กล้ามเนื้อได้ผ่อนคลายกัน






ที่มา : http://women.mthai.com/beauty/health/19567.html

วันศุกร์ที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2559

โคเลสเตอรอล คืออะไร

  โคเลสเตอรอล คำนี้ได้ยินกันอยู่บ่อยๆ แต่ คุณรู้หรือไม่ ว่าจริงแล้ว โคเลสเตอรอล คืออะไรกันแน่ ตามมาดูกันแบบเจาะลึกกันไปเลยค่ะ



         โคเลสเตอรอล นั้นจัดเป็นไขมันชนิดหนึ่งที่ร่างกายเราใช้สร้างเยื่อบุเซลล์ สร้างฮอร์โมนที่สำคัญต่างๆ ยกตัวอย่าง (ก็ )เช่น ฮอร์โมนเพศ (นั่นเอง) และนอกจากนั้น ยังใช้สร้างเกลือน้ำดีที่ช่วยให้ร่างกายเราสามารถย่อยอาหารได้ง่ายขึ้นด้วย


        และร่างกายเรานั้นก็สามารถรับ โคเลสเตอรอล ได้ 2 ทาง นั่นก็คือ จากอาหารที่มาจากสัตว์ จะมีโคเลสเตอรอลมากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งก็พวกเครื่องในสัตว์นี่ล่ะ และ อีกทางหนึ่งก็คือ โคเลสเตอรอลที่ร่างกายเราสร้างขึ้นเองจากตับของเรานี่ล่ะค่ะ ซึ่งโคเลสเตอรอลก็ยังแบ่งได้เป็น 2 ชนิด นั่นก็คือ โคเลสเตอรอลชนิดร้าย (LDL) ที่มีภัยกับหลอดเลือดแดงของเรา และ โคเลสเตอรอลชนิดดี (HDL ) ที่ช่วยลดปริมาณโคเลสเตอรอลชนิดร้าย จึงป้องกันการเกิดโรคหัวใจ และอีกหลายโรคที่เกี่ยวกับหลอดเลือดได้




       แล้วรู้หรือไม่ว่า เมื่อเราอายุมากขึ้น ผนังหลอดเลือดแดงจะแข็งตัวขึ้น ขาดความยืดหยุ่น และเมื่อมีคราบไขมัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโคเลสเตอรอลมาเกาะติดที่ผนังด้านใน จะทำให้หลอดเลือดแดงตีบแคบลง เกิดภาวะหลอดเลือดแดงแข็ง ทำให้เลือดไหลผ่านไม่ดี และเกิดเป็นก้อนอุดตัน อันนำไปสู่การเกิดโรคหัวใจขาดเลือด และแบบนี้เราจะป้องกันอาการนี้ได้ยังไง




      ไม่ยากเลยค่ะ การเลือกบริโภค น้ำมันพืชที่มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวสูงนั้น เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจได้อย่างดีทีเดียวค่ะ






       เพราะฉะนั้น วิธีการบริโภคที่ถูกหลักโภชนาการ หลีกเลี่ยงอาหารและไขมันที่มีกรดไขมันอิ่มตัวสูง แล้วหันมาบริโภคไขมันชนิดไม่อิ่มตัว ดังนั้น คนที่มีโคเลสเตอรอลสูงควรเลือกกินอาหาร ประเภท ต้ม นึ่ง ย่าง อบ  นอกจากนี้ น้ำมันที่ใช้ควรเป็นน้ำมันพืชที่มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวสูง เพราะไม่ทำให้โคเลสเตอรอลสูงขึ้นซึ่ง หาได้ง่ายจากน้ำมันถั่วเหลือง ประกอบกับการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และที่สำคัญ อย่าเครียด แค่นี้ ก็่ช่วยป้องกันร่างกายคุณจากภาวะโคเลสเตอรอลสูง ได้แล้ว วิธีง่ายๆ แต่รับรองว่าได้ผลดีเชียวค่ะ

ที่มา  :  http://women.mthai.com/beauty/health/19724.html

วันพฤหัสบดีที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2559

สูตรลดน้ำหนัก จากทั่วโลก

เริ่มเข้าหน้าร้อน สาวๆ หลายคนคงกำลังวางแผน ไดเอต ด้วยการอดอาหารตั้งแต่ตอนนี้ เพราะจะได้ใส่ชุดบิกินีอวดหุ่นสวยกลางชายหาดได้อย่างมั่นใจ แต่รับรองได้ไม่เกินสองสัปดาห์คุณจะรู้สึกหดหู่ หิวโหย และจะกระโจนเข้ากินอาหารทุกอย่างที่ขวางหน้าในปริมาณที่มากกว่าเดิมอีก ลองมาปฏิวัติชีวิตการกินอยู่ ด้วยสูตรลดน้ำหนักจากทั่วโลกนี้ดูจะได้ผลกว่า



ฝรั่งเศส
เคยสงสัยไหมว่า ทำไมผู้หญิงฝรั่งเศสไม่อ้วน นั่นเป็นเพราะพวกเธอกินอาหารวันละสามมื้อ จากงานวิจัยศึกษาพบว่า คนที่กินมื้อเช้าจะผอมกว่าคนที่งดมื้อเช้า อีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้สาวฝรั่งเศสมักจะผอม ก็คือ มีการเคลื่อนไหวร่างกายมากกว่า อย่างเช่นการเดิน ไม่ใช่ใช้เวลาออกกำลังในห้องยิมมากกว่าดร.วิลล์ โคลเวอร์ ผู้เขียน ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับไขมัน : เคล็ดลับอาหารฝรั่งเศสสู่การลดน้ำหนักอย่างถาวร (The Fat Fallacy : The French Diet Secrets to Permanet Weight Loss) ได้อธิบายไว้ว่า การกินและดื่มไม่ใช่สิ่งที่ควรจะทำ ขณะที่คุณกำลังทำอย่างอื่นอยู่ เพราะขณะที่คุณจดจ่อกับงาน หรือโทรทัศน์ คุณมักจะกินมากเกินโดยไม่รู้ตัวและเสิร์ฟอาหารปริมาณน้อย แต่อุดมด้วยคุณภาพของอาหารในแต่ละจาน




มาเลเซีย
ใส่ขมิ้นลงในอาหาร โดยเครื่องเทศชนิดนี้เป็นส่วนประกอบสำคัญของแกงกะหรี่ พบได้ในป่าแถบมาเลเซีย สารสำคัญในขมิ้นคือเคอร์คูมิน จะช่วยสลายไขมันได้ดี การศึกษาล่าสุดของมหาวิทยาลัยทัพต์รายงานว่า สารชนิดนี้มีฤทธิ์ยับยั้งการเติบโตของเนื้อเยื่อ และเพิ่มการเผาผลาญไขมัน

ญี่ปุ่น
การกินซุปหรือน้ำแกงโดยเฉพาะที่ทำจากผักก่อนอาหารจานหลัก จะทำให้อิ่มท้องได้ส่วนหนึ่ง และจะกินอาหารน้อยลง อาหารของคนญี่ปุ่นแต่ละมื้อจะพยายามให้มีครบทั้งห้าสี คือ แดง ฟ้าอมเขียว เหลือง ขาว และดำ โดยมีส่วนประกอบอย่างพริกใหญ่สีแดง บวบ บร็อกโคลี หอมหัวใหญ่ ถั่วดำ หรือมะกอกดำ

แอฟริกาใต้
ดื่มชาแดงหรือรอยบอส ซึ่งเป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมมากในแอฟริกาใต้ รสชาติจะเข้มข้นกว่าชาเขียว มีความหวานในตัวตามธรรมชาติ ทำให้ไม่ต้องเติมน้ำตาล

1. ปรุงอาหารจานพิเศษของคุณ ด้วยการใส่เห็ดชนิดต่างๆ ลงไป เช่น เห็ดนางรมหรือเห็ดเครมินี (เห็ดสีน้ำตาล) จะทำให้ช่วยอิ่มท้องโดยไม่เพิ่มแคลอรี

2. พาสต้า คลุกกับกุ้ง ผัก และน้ำมันมะกอก จะทำให้คุณอิ่มได้โดยไม่เพิ่มแคลอรีด้วยเช่นกัน เพราะปริมาณเส้นใยอาหารที่มากพอ ไขมันในปริมาณพอดี มีโปรตีนต่ำ





ที่มา : www.womanplusonline.com

วันอังคารที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2559

กระชับสัดส่วนสวยด้วย 10 ท่า




 สาวๆ วัยทำงานที่รู้สึกว่าตัวเองคือมนุษย์เงินเดือน ต่างก็ทุ่มเทเวลาให้กับการทำงาน หลังเลิกงานก็ตรงกลับบ้าน และเลือกที่จะดูแลตนเองเพียงแค่ควบคุมอาหารการกิน ดูแลผิวพรรณ และนอนหลับพักผ่อน เพราะหลายคนรู้สึกเหนื่อยเกินกว่าจะไปออกกำลังกายได้อย่างสม่ำเสมอ หากไม่ยืดเส้น ยืดสาย ขยับแขนขากันบ้าง ระวังสัดส่วนจะไม่กระชับดั่งใจ และอาจจะต้องทนเมื่อยล้ากล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ เพราะฉะนั้น ลองหันมาออกกำลังกายในท่าง่าย ๆ ทำได้ที่บ้านทั้ง 10 ท่า ต่อไปนี้…


 1. บริหารต้นขาและสะโพก ด้วยการนอนตะแคงข้าง ยกขาข้างหนึ่งขึ้น-ลง และสลับทำอีกข้าง

 2. บริหารหน้าท้องและต้นขา ให้นอนหงาย ชันเข่าขึ้น ก่อนยกศีรษะไปทางด้านขวาพร้อมยกขาขวา หากยกศีรษะไปทางด้านซ้าย ก็ให้ยกขาซ้าย

 3. บริหารช่วงเอว ยืนตรงแยกขาทั้งสองข้างห่างพอประมาณ จากนั้นยกแขนให้มือทั้งสองข้างประสานกันโดยหงายฝ่ามือออก และเอียงตัวไปด้านข้างสลับกันไปมา

 4. บริหารแผ่นหลัง ช่วงหน้าอก และต้นขา ยกแขน และขาทั้งสองข้างขึ้น-ลงพร้อม ๆ กัน

 5. บริหารต้นขา และหน้าท้อง ให้นอนราบ วางแขนสองสองข้างแนบลำตัว ยกขาทั้งสองข้างขึ้น-ลง

 6. บริหารหน้าขา นอนราบกับพื้น แขนสองข้างวางแนบลำตัว ยกขาเตะสลับ สองจังหวะ

 7. บริหารต้นขา ยืนตรง แยกปลายเท้าห่างพอสมควร มือสองข้างจับช่วงเอว แล้วยอตัวขึ้น-ลง

 8. บริหารคอ ยืนตรง แขนแนวลำตัว หันศีรษะและลำตัวไปด้านซ้ายสลับขวา

 9. บริหารสะโพก ให้คว่ำหน้าลงพื้น ชันศอกและเข่า ยกขาเหยียดตรงออกนอกลำตัวไปทางด้านหลังสลับขาซ้าย-ขวา

 10. บริหารต้นขาและสะโพก ด้วยการนอนราบลงกับพื้น วางแขนชิดลำตัว ยกขาทั้งสองข้างพร้อมกันในลักษณะงอเข่า พยามให้หน้าขาชิดถึงบริเวณหน้าท้อง


     บริหารร่างกายด้วยท่าข้างต้นเป็นประจำ จะช่วยบริหารกล้ามเนื้อ แถมยังช่วยกระชับสัดส่วนได้ดี เหมาะกับสาว ๆ ที่ไม่ค่อยมีเวลาออกกำลังกายอย่างจริงจัง …วันนี้ กลับถึงบ้านแล้วลองทำดู


ที่มา :  http://women.mthai.com/beauty/health/19610.html

วันอาทิตย์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2559

เลิกบุหรี่ ภายใน 7 วัน ด้วย 13 เคล็ดลับ





     “ไม่ใช่ไม่รู้ แต่เพราะบุหรี่เป็นภัยผ่อนส่งที่ใช้เวลานานกว่าจะได้รับดอกเบี้ยโรคภัยแบบทบต้นทบดอก ดังนั้นหลายคนจึงขอทำเป็นลืมๆ ในระหว่างที่พ่นควันผุยๆ บางคนอยากเลิกแต่ใจละลายง่ายก็เลยยังต้องซื้อต้องแชะๆ แบบมวนต่อมวนกันต่อไป ที่จริงการหยุดสูบไม่ได้ยาก และไม่ ต้องใช้เวลานาน แค่อาศัยความตั้งมั่น และการรู้จักธรรมชาติของตัวเอง และตัวยา เลิกใน 7 วัน ทำได้ง่ายกว่าที่คิด และนี่คือ 13 วิธีที่แค่อ่านแล้ว ฉุกคิด มลพิษก็ถูกถอดรหัสทันที”


  1. การเลิกโดยเด็ดขาดทันทีทันใดให้ผลชะงัดกว่าการลดปริมาณ ทนทรมานได้สำเร็จใน 2-3 วัน ยังดีกว่าทรมานอย่างช้าๆ และช่วงเวลา 3 วันแรก เป็นช่วงที่ลำบากใจที่สุด หลังจากผ่านไปได้โอกาสเลิกบุหรี่จะเป็นไปได้สูงมาก

  2. เซตวันสุดท้ายของการเลิกบุหรี่ พยายามหลีกเลี่ยงช่วงเวลาที่คุณมีภาระต้องรับผิดชอบ เช่น ช่วงสอบ ช่วงที่ต้องไปงานเลี้ยงหรืองานสังคม เพราะอาจมีแรงจูงใจทำให้ไม่สามารถเลิกได้ตามที่ตั้งใจไว้

  3. สร้างพิธีกรรมเล็กๆ สำหรับวันส่งท้าย ด้วยการนำบุหรี่ที่เหลือ และซองบุหรี่มาเผาไฟต่อหน้าต่อตา พร้อมกับกระดาษที่จดข้อความของโทษการสูบบุหรี่สำหรับวันแรกของการเลิก เมื่อตื่นเช้าขึ้นมา อาจหายใจให้เต็มปอดสัก สิบครั้งช้าๆ ลึกๆ และปล่อยใจ ให้จินตนาการรู้สึกดีกับมวลอากาศบริสุทธิ์

  4. ออกกำลังเบาๆ อย่างน้อยสามสิบถึงสี่สิบนาที เช่น ว่ายน้ำ, เดินเล่น หรือปั่นจักรยานวันละสองรอบเพื่อกระตุ้นร่างกายให้แข็งแรงและซ่อมแซมส่วนที่เสียหายจากภัยบุหรี่

  5. หายใจลึกๆ ช้าๆ ติดต่อกัน ต่อเนื่องกันห้านาทีทุกวัน ด้วยการหลับตา สูดลมเข้าช้าๆ ด้วยจมูกจนเต็มปอด แล้วปล่อยออกช้าๆ ทางลมปากจนหมด ระหว่างทำ ให้สร้างความรู้สึกดีไปด้วย จินตนาการถึงความรู้สึกที่แตกต่างของการไม่มีควันบุหรี่ในชีวิต คุณอาจยังไม่รู้สึกนัก แต่ควรสร้างอุปทาน เช่น รู้สึกว่าเหนื่อยน้อยลงหรือ ลมหายใจหอมสดชื่น หรืออะไรก็ตามที่เป็นสิ่งดีๆ ของการไม่สูบบุหรี่

  6. อาบน้ำหรือแช่ในน้ำอุ่นวันละ 2-3 ครั้ง ครั้งละ 15-20 นาที หลังจากอาบน้ำอุ่นแล้ว ควรตามด้วยการราดน้ำเย็นเพื่อช่วยให้ร่างกายสดชื่น




  7. ดื่มน้ำวันละ 6-8 แก้ว น้ำจะช่วยกำจัดนิโคตินออกจากร่างกาย ตั้งแต่ตื่นนอนตอนเช้า หลังอาหารทุกมื้อช่วงระหว่างมื้อและก่อนนอน

  8. หลีกเลี่ยงสุรา ชา กาแฟ น้ำอัดลม เพราะจะทำให้เกิดความอยากสูบบุหรี่

  9. หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด อาหารมันจัด อาหารหวานจัด อาหารเผ็ด เพราะอาหารมีผลโดยตรงต่อสุขภาพจิต

  10. กินวิตามินบีรวม ในรูปแคปซูลหรือเม็ดหรือจะกินส่าข้าวสาลี (Wheat Germ) 1-2 ช้อนโต๊ะหลังอาหารโดยอาจผสมกับนมสด

  11. อย่ากดดันตัวเองจนเครียด และอย่ารู้สึกผิดจนเกินไปเมื่อคุณเผลอ ให้อภัยตัวเอง และเริ่มกลับเข้าสู่โปรแกรมงดบุหรี่ทันที ค่อยๆ ทำ ค่อยๆ งด แล้วจะหยุดได้เอง อย่างน้อยก็ลดปริมาณบุหรี่ที่เคยสูบได้มากกว่าเดิม

  12. ถ้าต้องสูบจริงๆ ให้ลองเปลี่ยนมือคีบบุหรี่ เปลี่ยนชนิดบุหรี่เป็นยี่ห้อที่คุณไม่ชอบ และจำกัดสถานที่สูบบุหรี่ให้ตัวเอง เช่น นอกบ้าน บนระเบียงชั้นสาม


  13. เมื่ออยากสูบบุหรี่ อย่าตอบสนองตัวเองทันที ทำเฉไฉสักห้านาที แล้วค่อยจุดสูบ เพื่อลดความกระวนกระวายที่ต้องทำทันทีเมื่อรู้สึกต้องการ


ที่มา : http://women.mthai.com/beauty/health/19623.html

วันศุกร์ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2559

3 สูตรสมุนไพรไร้สิว





        เมื่อสิวผุดขึ้นมาแต่ละเม็ดๆ ก็ทำให้หนุ่มสาวหน้าใสที่ห่วงสวยห่วงหล่อกระวนกระวายใจ ต่างเสาะหาวิธีกำจัดสิวกันให้วุ่นวาย แถมยิ่งเครียดมากสิวก็ยิ่งเห่อได้


       แต่คุณเคยสงสัยบ้างไหมว่า ทำไมคนรุ่นคุณย่าคุณยายถึงได้มีผิวพรรณและหน้าตาผ่องใส โดยไม่ต้องพึ่งสารพัดเครื่องสำอางหรือยาแต้มสิวราคาแพงๆ  อย่างที่คุณรุ่นหลังใช้กันแต่อย่างใด นั้นเพราะท่านมีสูตรสมุนไพรที่ได้จากพืชธรรมชาติ  ซึ่งเป็นตำรับแก้สิวฝ้าชนิดที่ไม่ต้องไปหาซื้อจากที่ใด เพราะสามารถหาได้จากในสวนครัวหลังบ้านนี่เอง มีอะไรบ้างนั้น เรามาดูกันค่ะ


หอมแดง   นำมาทุบหรือฝานให้เป็นแว่นบางๆ ใช้ทาบริเวณที่เป็นสิวหรือจุดด่างดำ ทาทิ้งไว้ประมาณ 10 นาทีแล้วล้างออก ใช้เป็นประจำรอยสิวจะจางหายไปค่ะ


กล้วยหอม   ก็มีประโยชน์ต่อผิวพรรณเช่นกัน โดยนำกล้วยหอม 1 ผล ไปปั่นกันน้ำผึ้ง 1ถ้วย นำมาพอกหน้าไว้ 15-20 นาที แล้วล้างออก ทำให้หน้าตาผิวพรรณสดใสและไร้สิวได้


มะนาว   เมื่อนำน้ำมะนาว 1 ช้อนชา ผสมไข่ขาว 1 ช้อนชา ตีจนเป็นเนื้อเดียวกัน แต้มที่ตุ่มสิว ทิ้งไว้ 15-20 นาที แล้วล้างออก เพียงเท่านี้ใบหน้าคุณจะดูสดใส ไร้รอยสิว




ที่มา : http://women.mthai.com/beauty/health/19219.html

วันพุธที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2559

8 วิธีแก้อาการปวดหลัง

      สำหรับคุณๆออฟฟิตทั้งหลาย ที่ต้องนั่งตรากตรำทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ วันละ7-8ชั่วโมงนั้น อาการที่ถามหากันถ้วนหน้าคงหนีไม่พ้นอาการปวดหลังแน่ๆ บางคนถึงขนาดเดี้ยงคาเก้าอี้ กันมานักต่อนัก เราจึงไม่รอช้า หาวิธีมาให้คุณๆเรียนรู้วิธีง่ายๆที่จะช่วยบรรเทาอาการให้คุณ




1. พยายามรักษาสมดุลของร่างกาย ทั้งในระหว่างการเดิน การนั่ง การยืน หรือแม้แต่การนอน อยู่เสมอ


2. รักษาน้ำหนักตัวให้เหมาะสม ระวังอย่าให้น้ำหนักตัวมากเกิน เพราะจะก่อให้เกิดปัญหาน้ำหนักตัวกดทับกล้ามเนื้อหลังและข้อต่อ


3. หลีกเลี่ยงการอยู่ในอริยบถหนึ่งนานเกินไป ซึ่งจะทำให้เกิดการตึงของกล้ามเนื้อได้ง่าย


4. เลือกนอนบนฟูกที่นอนที่มีความมั่นคง ไม่ยุบตัว หรือแข็งจนเกินไป และใช้หมอนที่มีส่วนเว้าโค้ง รองรับสรีระช่วงคอได้เป็นอย่างดี


5. หมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้กล้ามเนื้อมีความหยืดหยุ่น


6. รักษาท่วงท่า ให้อยู่ในจุดสมดุลตลอดเวลา เช่นการงอเข่าลดละดับลำตัวลงเมื่อจะเก็บของลงจากพื้นแทนการงอหลัง


7. เลือกรองเท้าที่สวมสบาย และรองรับน้ำหนักร่างกายได้ดี หลีกเลี่ยงการสวมรองเท้าส้นสูงเป็นเวลานานๆ


8. หลีกเลี่ยงภาวะอารมณ์ที่เคร่งเครียด ซึ่งเป็นสาเหตุของอาการกล้ามเนื้อตึงตัวและปวดเมื่อย

ที่มา : http://women.mthai.com/beauty/health/19196.html